วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เสียงลวง !














สายลมแรงสะบัด พัดไพรพริ้ว
พฤกษาผกาปลิว ทิวไสว
เสนาะเสียงสำเนียงซึ้ง ตรึงหทัย
แว่วหวานกังวาลไกล จากไพรพรรณ

ประหนึ่งเสียงสวรรค์สร้าง แรมร้างทุกข์
ประสานเสียงเสริมสุข เกษมสันต์
ประสมเสียงเรียงร้อย สร้อยสัมพันธ์
ประดับตรึงใจมั่น มิคลาดคลา

ยาตราตามต้นเสียง เพียงใฝ่พบ
วาดฝันมั่นประสบ แสวงหา
ผู้ใดบรรเลงรื่น ชื่นชีวา
ยั่วยวนชวนใจข้าฯ พาเพลินพราย

เสาะแสวงแคลงฤทัย หลงไพรกว้าง
สุรเสียงพลันสูญสร่าง สิ้นสลาย
ยิ่งหลงลึกดึกดื่น ฝืนใจกาย
หลงกิเลศเข้าแล้วไซร้ หน่ายกมล

ลืมจุดหมายปลายทาง ที่หวังไว้
ปล่อยฤทัยไหวหวั่น พลันสับสน
เพียงเสียงแว่วจากจิตไซร้ ให้กังวล
จงพินิจจิตตน บนทางธรรม

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

นกขมิ้น


นกเอ๋ยนกขมิ้น เจ้าโบยบินจากพงไพร
สุดหล้านภาลัยมุ่งตรงไป ในธานี


หวังไว้เพียงเบื้องหน้า อาจดีกว่าวนาลี

ส่งเสริมเติมชีวี ในธานีศิวิไลซ์


นาครคงงามล้ำ คุณธรรมประจำใจ

ฝากฝังชีวิตไว้ หวังอาศัยได้หลับนอน


อาคารล้วนสูงใหญ่ แคบขวักไขว่ด้วยนิกร
รถราเร่งสัญจร เร่าแรงร้อนไม่รอรี

ฝุ่นควันกระจายทั่ว มืดหมองมัวดั่งราตรี

สายฝนปนธุลี ชลธีล้วนขุ่นดำ


ผู้คนไร้เมตตา ตามเข่นฆ่าให้ชอกช้ำ

เสียงปืนดังกระหน่ำ คุณธรรมอยู่หนใด

นกขมิ้นเจ้าสิ้นหวัง สิ้นกำลังด้วยทางไกล

นี่หรือคือเมืองใหญ่ ชีวิตไซร้สิ้นเสรี

ร่างน้อยพลอยร่วงหล่น จากฟ้าหม่นเหนือธานี

สู่พื้นปฐพี ฉากชีวีต้องปิดลง

อนิจจานกขมิ้น สลายสิ้นเป็นผุยผง

บินลับกลับป่าดง พนาพงเพียงวิญญาณ

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ดอกไม้หลากสี


คืนวันผันผ่าน วันวานมิเคยหวน

ครุ่นคิดคร่ำครวญ รันจวนจิตมิวาย

ดอกไม้หลากสี ชื่นฤดีเฉิดฉาย

บุพฝาร่วงมลาย กลายเมล็ดเกล็ดดิน

หยั่งรากฝังพื้น หยัดยืนเหนือถิ่น

แทนต้นเก่าสิ้น ณ ดินอุดม

มวลมาลีเอ๋ย เจ้าเคยทับถม

บ้างลอยตามลม พรมพื้นธรณี

คืนวันผันผ่าน

อดีตกาลหลากสี

สุข-เศร้าชีวี

"ณ ธรณีใจ"