หยาดฟ้า ชโลมดิน
กมล บูรณกุล
22-05-2007
กมล บูรณกุล
22-05-2007
ณ แผ่นพื้น ธรณี ที่แล้งลด
น้ำสักหยด หยาดมา ก็หาไม่
แตกระแหง ร้าวรวด เป็นกรวดไป
แตกระแหง ร้าวรวด เป็นกรวดไป
ให้อาลัย อาสัญ เป็นอาจินต์
สายธารเอ๋ย เคยริน ให้ดินชุ่ม
กลีบปทุม แย้มบาน สราญสินธุ์
แต่บัดนี้ แล้งเหลือ เพียงเกลือดิน
แต่บัดนี้ แล้งเหลือ เพียงเกลือดิน
มลายสิ้น กลิ่นปทุม กลุ้มกมล
สายธารา สะอาดใส กลายสีเลือด
ดั่งเฉือนเชือด หฤทัย ให้สับสน
เคยชื่นผอง ละอองน้ำ จากเบื้องบน
เคยชื่นผอง ละอองน้ำ จากเบื้องบน
กลับปรายปน ละอองไฟ ไพรร้อนราน
ร้อนสายลม โหมไฟ ไหม้พฤกษา
ดั่งโลกา วินาศสิ้น ถิ่นสถาน
สัตว์น้อยใหญ่ ไหม้มอด วอดวายปราณ
สัตว์น้อยใหญ่ ไหม้มอด วอดวายปราณ
เป็นเถ้าถ่าน ปลดปลง ผงธุลี
แผ่นดินเปรียบ เทียบได้ ดั่งใจฉัน
พฤกษาพรรณ ดังรักไซร้ ให้สุขี
ใจเธอเปรียบ ผืนนภา ที่ปราณี
ใจเธอเปรียบ ผืนนภา ที่ปราณี
รินรักรี่ ดั่งสายฝน ชลธาร
เหตุใดเล่า เจ้าจากไป ให้ใจโศก
เหลือเพียงโลก แห่งอดีต อันแสนหวาน
ใยทอดทิ้ง ฤทัยข้า ว้าวิญญาณ
ใยทอดทิ้ง ฤทัยข้า ว้าวิญญาณ
ดั่งลำธาร กระแสสินธุ์ หมดสิ้นไป
กรรมใดหนอ ก่อราก ให้พรากพลัด
หรือเคยขัด ใจเธอ ด้วยเผลอไผล
รักเธอสิ้น รินระรวย ด้วยจริงใจ
รักเธอสิ้น รินระรวย ด้วยจริงใจ
เธอจากไป ให้คิดถึง คะนึงครวญ
เฝ้าห่วงหา ดวงฤดี ที่พรากพลัด
มิอาจขัด ดวงหทัย ให้กำสรวล
จะเฝ้ารอ ต่อไป ไม่เรรวน
จะเฝ้ารอ ต่อไป ไม่เรรวน
รอรักหวน ดั่งหยาดฟ้า ชโลมดิน